“ผลการเรียนลูกแย่ลงทุกทีๆอย่างนี้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังไง ”
“แม่ก็อย่าคิดมากซิค่ะ อันที่จริงแม่น่าจะดีใจด้วยซ้ำหนูได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของห้องเลยนะ”แม่เอามือก่ายหน้าผากอย่างอ่อนใจในบรรดาลูกๆทั้งห้าคนยัยก้อยน่าเป็นห่วงที่สุดเป็นน้องผู้หญิงคนสุดท้องถูกพี่ๆตามใจจนเคยชินเรียนไม่เอาไหน งานบ้านไม่ได้เรื่อง แถมยังบ้าการ์ตูนเป็นตั้งๆ โตขึ้นจะทำอะไรกินแม่หนักใจกับลูกคนนี้จริงๆ
“แม่หาครูสอนพิเศษให้ลูกแล้ว ต่อไปนี้ห้ามอ่านหนังสือการ์ตูน ห้ามเล่นวีดีโอเกมส์ ห้ามใช้อินเตอร์เนตจนกว่าแม่จะอนุญาต” “ไปเล่นห้องพี่กลางก็ได้”แม่ยื่นคำขาดและพูดเหมือนได้ยินความคิดก้อย
“อย่าให้รู้ว่าแอบไปเล่นเกมส์ห้องตากลางนะ ไม่อย่างงั้นจะแม่จะไม่จ่ายค่าเนตทั้งเดือนเลย คอยดู”ไม่นนนนนนนนะฉันตะโกนในใจ
“ใจร้าย”ก้อยบ่นอุบอิบพลางเดินขึ้นมาบนห้องโยนกระเป๋าเป้ลงบนเตียงนอน
“อยากให้พี่โป้ง พี่ชี้ พี่นางอยู่บ้านจัง เราคงไม่ถูกแม่ลงโทษร้ายแรงขนาดนี้”ว่าแล้วก็คิดได้ก้อยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเบอร์พี่โป้งพี่ชายคนโต
“ฮัลโหล ว่าไงยัยก้อย”เสียงจากปลายสายตอบรับ
“พี่โป้งก้อยถูกแม่ทำโทษ ร้ายแรงมาก ไม่รู้ก้อยจะมีชีวิตอยู่ต่อได้รึเปล่าก้อยต้องตายแน่ๆ”ก้อยพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ถูกสั่งงดการ์ตูนอีกแล้วใช่มั้ย”
“พี่โป้งนี่รู้ใจก้อยเสมอ คราวนี้แม่เอาจริงแถมห้ามไม่ให้ไปเล่นเกมส์ห้องพี่กลางด้วย”
“เพลาๆบ้างก็ดี ปีนี้สอบเข้ามหาลัยไม่ใช่เหรอหันมาอ่านหนังสือเรียนบ้าง”
“พี่โป้งก้รู้อ่านไปก็เท่านั้นสมองก้อยรับซะที่ไหน”
“ก็คิดอยู่แต่อย่างนี้” “ก็คนมันรู้จักตัวเองดี”
“แม่จ้างครูมาสอนพิเศษก้อยที่บ้านด้วย ทีนี่ก้อยก็คงไม่มีเวลาโทหาพี่โป้งอีกแล้วล่ะ”
“ฮิฮิ ไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก ดีออกพี่ว่าก้อยไม่ต้องไปเรียนที่อื่นข้างนอกอันตรายรอบด้าน”
“จะในหรือนอกก้อยก็ไม่อยากเรียน”
“เรียนพิเศษไม่ใช่ถูกขังคุกซะหน่อยเวอร์ไปแล้วเราน่ะ”
“แล้วมันต่างกันตรงไหน อีกอย่างยังมีเวลาอีกตั้งเยอะไม่รู้แม่จะรีบร้อนอะไรนักหนานี่ถ้าพี่โป้งช่วยพูดกะแม่นะแม่ต้องใจอ่อนแน่ๆ”
“วารีไม่คอยท่า เวลาไม่คอยคนนะยัยก้อยเอาล่ะ ครั้งนี้พี่เห็นด้วยกับแม่ไม่ต้องมาออดอ้อนซะให้ยาก” “แล้วเจอครูสอนพิเศษบ้างยัง”
“ยัง แม่เพิ่งบอกก้อยวันนี้แค่นี้แหละก้อยไม่อยากคุยกะพี่โป้งแล้ว”ช่วยอะไรไม่ได้เลย วางสายจากพี่ชาย ก้อยมองออกไปข้างนอกหน้าต่างและผล็อยหลับไป
หลังเลิกเรียนวันต่อมา
“กลับมาแล้วค่ะ”
“กลับมาพอดีเลยยัยก้อยนี่ตาหนึ่งลูกชายเพื่อนแม่จะมาสอนพิเศษให้ลูก”
“สวัสดีค่ะ”ก้อยยกมือไหว้หนึ่ง
“เดี๋ยวแม่จะเอาของว่างขึ้นไปให้นะ”ก้อยเดินนำขึ้นมาบนห้อง
“เชิญ”ก้อยเชื้อเชิญแขกผู้มาเยือนอย่างเซ็งๆ
“เอ้ย!แม่!มาทำอะไรกับห้องก้อย”ก้อยตกใจเมื่อเปิดประตูห้องที่เธอเห็นก่อนออกไปเมื่อเช้ากับตอนนี้มันแตกต่างกันโดนสิ้นเชิง หนังสอการ์ตูนที่กระจักกระจายเต็มพื้นห้องอันตธานไปหมดสิ้นถูกแทนที่โดยคู่มือเตรียมสอบแทน
“หือ มีอะไรผิดปกติเหรอ”แม่พูดอย่างหน้าตาเฉย มีอะไรผิดปกติเหรอทุกอย่างเลย
“แม่เอาของก้อยไปไหนแล้วของพวกนี้ของใครเอาของๆก้อยคืนมานะ”
“แม่เอาไปเหรอ ไม่นิ แม่ก็แค่ขึ้นมาทำความสะอาดและก็เก็บขยะในห้องลูกไปทิ้งแค่นั้นเอง”
“ทิ้งแม่ทิ้งการ์ตูนของก้อยเหรอแม่!!”มากไปแล้วนะ ทำอย่างนี้ได้ไงก้อยยอมไม่ได้เด็ดขาด
“ยังไม่ได้ทิ้งหรอกแต่ถ้าลูกอยากได้คืนละก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้สิแม่จะเอามาคืนก้อยทุกเล่มไม่ให้ตกหล่นเลย”บังคับกันชัดๆแม่นะแม่
“หรือลูกคิดว่าลูกทำไม่ได้”แม่พูดอย่างรู้นิสัยก้อย ก้อยไม่ชอบให้ใครมาดุถูกและท้าทายเธอ
“ได้แล้วแม่จะรู้ว่าไม่มีอะไรที่ก้อยทำไม่ได้นอกจากไม่ทำ”ก้อยเดินเข้าห้องไปเหลือแม่และหนึ่งที่ยืนอยู่
“ป้าฝากความหวังไว้ที่หนึ่งแล้วนะ ช่วยน้องด้วยยัยก้อยเป็นเด็กหัวดื้อแต่ก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร”
“ครับ”หนึ่งพยักหน้ารับคำและเดินเข้าไปในห้องที่เจ้าของห้องตอนนี้นั่งหน้างออยู่กลางห้อง
“ผลการเรียนเธอต่ำกว่ามาตรฐานเยอะ โดยเฉพาะคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ”
“ก็มันยาก...ทุกวิชานั้นแหละ”
“ฉันจะเริ่มสอนพื้นฐานให้เธอก่อนนะดูท่าในสมองเธอคงจะไม่มีอะไรอยู่นั้นเลย”
“นายด่าฉันเหรอ”
“ตรรกศาสตร์เธอรู้เรื่องอะไรมั่ง”
“ตรรกศาสตร์มีวิชานี้ด้วยเหรอ”
“คณิตม.4”
“อ๋อ...”
“ตรรกศาสตร์คือ.........”
3ชั่วโมงผ่านไป
“หิวข้าว”ก้อยพึมพำเบาๆ
“วันนี้พอแค่นี้ อย่าลืมทำโจทย์ที่ฉันให้ไว้คณิตต้องฝึกทำโจทย์บ่อยๆสูตรก็ต้องจำให้แม่น”หนึ่งพูดพลางเก็บของเข้ากระเป๋าทั้งสองเดินลงมาข้างล่าง
“แม่ว่าจะขึ้นไปตามพอดี หนึ่งอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ”
“ไม่รบกวนดีกว่าครับ”
“รบกง รบกวนอะไรกันนั่งเลยๆ ตากลางไปตามพ่อมาซิ”
“ฮะ”กลางเดินไปตามพ่อที่สวนหลังบ้านพ่อเป็นคนรักธรรมชาติรอบๆบ้านจึงเต็มไปด้วยพันธ์ไม้ต่างๆสงบร่มเย็น คนที่มาบ้านนี้มักไม่ค่อยเห็นท่านเพราะตลอดทั้งวันท่านมักขลุกตัวยู่กับการดูแลต้นไม้ที่ท่านปลูก
“พ่อฮะทานข้าว”กลางเรียกผู้เป็นพ่อ
“ต้นอะไรฮะกลางไม่เคยเห็น”
“ต้นสวยใช่มั้ยละพ่อเพิ่งได้จากตาหนึ่งลูกชายเพื่อนแม่เจ้าวันนี้”
“คนในบ้านนะเหรอฮะ”
“หล่อไหมล่ะ ถ้าหล่อก็น่าจะใช่”
“สู้กลางไม่ได้สักนิด”
“ฮะฮะฮ่าพ่อก็ว่าอย่างนั้น ไปเถอะไปกินข้าวกันคงรอกันแย่แล้ว”สองพ่อลูกหัวเราะชอบใจก่อนจะเดินมาที่โต๊ะอาหารซึ่งทุกคนนั่งรออยู่แล้ว
“ทานเยอะๆนะตาหนึ่ง”แม่ตักกับชิ้นโตให้นายหนึ่ง
“ขอบคุณครับ”
“ตาสองละสบายดีรึเปล่า”สองนี่ใครอีกล่ะ
“ฮะแต่ชอบก่อเรื่องเยอะหน่อย”
“อย่างนี่แหละวัยรุ่นเลือดหนุ่มมันแรงว่างๆก็ชวนตาสองมาบ้างนะ เห็นตอนเด็กชอบมาบ่อย พอหนุ่มไม่ค่อยเห็นหน้าไม่เห็นตา”
“ครับ ผมจะชวนดู”
“ยัยก้อยได้คุยกับสองบ้างมั้ยลูกอยู่ในห้อง”
“สองไหนอะแม่”
“ลูกจำสองไม่ได้เหรอ ลูกป้ายุพินไง”สอง สองรึจะเป็นไอ้สองที่ชอบก่อเรื่องคนนั้น นี่หมอนั่นเป็นลูกป้ายุพินหรอกหรือ จำไม่เห็นได้
“ไม่ค่อยหรอกแม่ หมอนั่นชอบโดดเรียนไม่ค่อยได้เห็นหน้าคร่าตา หาแต่เรื่องชกค่อยคนโน้นคนนี้”
“ชวนมาที่บ้านบ้างสิ”
“จะชวนมาทำไม”
“ยัยก้อย”แม่ทำตาเขียวใส่
“ก็จริงๆนะหมอนั่นประหลาดคุยกับใครรู้เรื่องที่ไหน”
“ฮืม”หนึ่งส่งเสียงให้รู้วาสองน้องเขา
“ขอโทษ”ก้อยเห็นสายตาของแม่ที่ส่งมาถ้าเธอไม่เงียบอาจจะมีเรื่องฟังแม่เทศนายาวแม่น
หลังหนึ่งกลับไปก้อยรีบขึ้นห้องโดยอ้างว่ารีบกลับมาทำโจทย์ที่หนึ่งให้ไว้อันที่จริงหลบหลีกแม่เทศนาต่างหาก
ก๊อก ก๊อก
“ประตูไม่ได้ล็อก”ก้อยนอนอยู่บนเตียง
“อ้าวพี่กลาง”
“เป็นไงได้ไรมั่ง”
“หึ”กอยส่ายหน้า”พี่ก็รู้ว่าก้อยโง่ขนาดไหน”
“อย่าว่าตัวเองแบบนั่นสิ”
“ก็จริงมั้ยละ ก้อยว่าก้อยเอ็นไม่ติดหรอก จบม.6หางานทำดีกว่าให้แม่เลี้ยงอยู่อย่างนี้”
“คิดอะไรโง่ๆ” “ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็จะทำไม่ได้ คิดว่าทำได้ก็จะทำได้”
“โธ่คิดอย่างนั้นก็หลอกตัวเองเปล่า ครูสอนพิเศษก็แล้วพี่ๆก็สอนแล้วไม่เห็นทำให้ก้อยฉลาดขึ้นสักนิด”
“ไม่แน่ครูสอนพิเศษคนนี้อาจทำให้เราฉลาดขึ้นก็ได้นะ หน้าตาหล่ออาจทำให้เรามีแรงบันดาลใจลุกขึ้นสู้ก็ได้”
“หล่อเหรอ ก้อยสงสัยนะว่าตาหนึ่งอะไรเนี่ยเป็นเกย์”
“บ้า แล้วยัยก้อย”
“จริงๆนะ ของใช้สีชมพูทั้งนั้นปากกายางลบ ดินสอแม้แต่เหล็กจัดฟันยังเป็นสีชมพู”
“อย่าคิดมากน่า บางทีเขาอาจจะแค่ชอบสีชมพู”
“ผู้ชายชอบสีชมพูมันไม่แปลกเหรอพี่”
“อย่าคิดมากน่าไปๆพี่ไปนอนแล้ว”
“ไม่ ก้อยต้องรู้ให้ได้”กลางส่ายหน้าก่อนเดินจากไปพลางคิดในใจกลัวยัยน้องนี่จะก่อเรื่องอีก
ที่โรงเรียน
“เฮ้ยไอ้สองวันนี้เข้าเรียนได้นะมึง”
“เออ กูคิดได้แล้ว ถึงเวลาที่กูต้องจริงจังกับมันซะที”ก้อยเดินผ่านกลุ่มเพื่อนๆและสองก้อยรู้สึกว่าสองมองเธอแปลกๆนายหนึ่งนั่นคงไม่บอกที่ฉันนินทาน้องชายมันหรอกนะนายสองนี่ยิ่งโหดๆอยู่มันจะต่อยฉันมั้ยเนี่ย
“นิ เธอน่ะ”นายสองเรียกชื่อก้อย
“เอาสังคมมาลอกหน่อยซิ”
“ทำไมฉันต้องให้นาย”
“จะให้หรือไม่ให้”นายสองทำหน้าโหดเสียงเหี้ยมปานจะกลืนกิน
“เอาไปสิ ใครว่าอะไรทีล่ะ”ก้อยหยิบชีสวิชาสังคมให้สอง
“เอาคณิตมาด้วย”
“ยังไม่เสร็จ”
“ไม่รับผิดชอบ”
“ว่าแต่คนอื่นอย่างน้อยฉันก็เข้าเรียนละน่า”
“ว่าฉันเหรอ”
“ไม่ได้เอ่ยชื่อ นายรับไปเอง”
“เธอนี่มัน”
“ทำไม”
“ก็ไม่ทำไมแค่สงสัยว่าผู้หญิงอะไรมีกล้ามเป็นมัดๆ”ก้อยจับที่แขนอย่างอายๆเพื่อนๆกลุ่มสองได้ยินเข้าก็หัวเราะกันใหญ่
“นักเพาะกล้ามรึเปล่า”
“แกไอ้สอง ไอ้บ้า”ก้อยอายมากรีบเดินหนีไป
...
ตอนเย็น
“หงุดหงิดอะไรเจ้าก้อย”ก้อยเดินไปหาพ่อที่สวนหลังบ้าน
“พ่อก้อยมีกล้ามเหรอ”
“หือ ไม่นิ”
“วันนี้มีคนว่าก้อยกล้ามใหญ่เหมือนนักเพาะกล้าม”
“55555”
“พ่อ ไม่ตลกนะ”
“เขาล้อเจ้าเล่นน่ะ คิดมากไปได้”
“แต่มันเสียเซ็ลฟนะพ่อ มันว่าก้อยต่อหน้าเพื่อนวันนี้ทั้งวันเลยมีแต่คนแซวว่าก้อยกล้ามใหญ่”
“เจ้าก็อย่าสนใจซะสิ”
“ก็มันทำไมได้”
“ก้อย ตาหนึ่งมาแล้วไปเรียนได้แล้วลูก”เสียงแม่ตะโกนมาจากในบ้านถ้าก้อยไม่ชิน คงคิดว่าแม่พูดผ่านไมโครโฟน
“เดี๋ยวก้อยมาคุยต่อนะพ่อ”ก้อยเดินเข้ามาในบ้านเห็นแม่นั่งอยู่กะใครก็ไม่รู้สงสัยเป็นเพื่อนแม่
“สวัสดีค่ะ”ก้อยยกมือไหว้แขกของแม่
“ไม่ต้องไหว้ได้มั้ย อายุเท่ากัน”เขาพูด
“อ้าวเหรอ ฉันนึกว่านายแก่กว่า”
“โจทย์เมื่อวานทำได้รึเปล่า”
“ติดตรงนี่นิดนึง”
“ก็เอามัน.......................................”
ผ่านไปเกือบเทอมที่หนึ่งมาสอนพิเศษก้อยทุกวัน ก้อยรู้สึกว่าตัวเองฉลาดขึ้นทำโจทย์คณิตได้เยอะอ่านภาษาอังกฤษออก คะแนนสอบมิดเทอมก็ดีจนแม่เอ่ยปากชมอีกสองวันก็จะสอบปลายภาคเสร็จเป็นครั้งแรกที่ก้อยตั้งใจอ่านหนังสือสอบจนทุกคนประหลาดใจ ไม่รู้ว่าทำไมก้อยถึงตั้งใจขนาดนี้มันเหมือนมีแรงบันดาลใจให้ก้อยต้องตั้งใจมากเป็นพิเศษแต่มันคืออะไรหว่า ลืมบอกไปก้อยกับหนึ่งเค้ากิ๊กๆกันอยู่แต่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ไม่รู้ทำไมทั้งที่ตอนแรกไม่ชอบหน้าแต่พอสนิท ได้รู้จัก พูดคุยกันแล้วก้อยกลับรู้สึกดีกับคนๆนี้มาก ก้อยว่าทุกอย่างในชีวิตก้อยดีขึ้นหมดยกเว้นนายสองที่มาลอกการบ้านก้อยทุกวัน ตอนสอบก็เลขที่ติดกับมันเวรกรรม ชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้ชาติถึงได้เกิดมาเจอมันการบ้านก็ลอกของก้อย สอบก็ลอกก้อย แต่มิวายมันยังแซวก้อยอยู่ทุกวัน พักหลังๆมันรู้ความลับก้อยจากไหนนักหนาก็ไม่รู้เอามาขู่ให้ทำงานให้อยู่เรื่อยหรือจะเป็นเมื่อวันนั้นแม่เอารูปถ่ายสมัยเด็กให้หนึ่งดู แต่หนึ่งคงไม่บอกความลับของแฟนให้คนอื่นรู้โดยเฉพาะนายสองที่ก้อยเล่าให้หนึ่งฟังอยู่บ่อยๆว่านายสองชอบแกล้งเธอหนึ่งฟังแล้วหัวเราะเบาๆเวลาก้อยเล่าให้ฟัง แล้วนายสองจะรู้เรื่องที่ตอนเด็กๆฉันกลัวผีจนฉี่ราดได้ยังไง ฉันเกลียดนายสองนี่ที่สุดเลย ผู้ชายอะไรชอบว่าฉันให้หน้าแตกอยู่เรื่อยแต่จะว่าไปนายสองนี่ก็มีอะไรคล้ายๆไม่สิเหมือนๆกับหนึ่งจนบางทีฉันก็แอบคิดว่าเป็นคนๆเดียวกัน
“พี่นาง ก้อยคิดถึงพี่นางที่สุดเลย”พี่ๆกลับมาแล้ว ก้อยดีใจอย่างสุดชีวิต
“กับพี่เค้าไม่คิดถึงหรอก”พี่ชี้ว่า
“คิดถึงซีกับพี่ชี้ พี่โป้งก้อยคิดถึงทุกคนเลย”
“นี่พี่มีของมาฝากเยอะเลย”พี่นางพูด พี่นางนี่แหละรู้ใจก้อยที่สุดของที่สุดเลย
“ได้ข่าวว่าเรียนเก่งขึ้นเยอะเพราะได้ครูดี”
“บ้าพี่นางไม่ใช่สักหน่อย”
“จริงๆฮะกลางเป็นพยานได้เดี๋ยวนี้พอครูสอนพิเศษมายัยก้อยจะเรียบร้อย ยิ้มหน้าบานแล้วก็แต่งตัวสวยเป็นพิเศษแถมเสาร์-อาทิตย์ก็ไปดูหนังกันทุกอาทิตย์ตอนเย็นครูหนึ่งจะไปรับยัยที่โรงเรียนกลับมาพร้อมกันฮะ”
“ฮันแนะ..กิ๊กกันใช่ป่ะ”พี่ชี้ถาม ทำเอายัยก้อยถึงกับหน้าแดง
“บ้า”
“99.99%ผู้หญิงเขินมักพูดคำว่าบ้า”พี่กลางนี่ไม่ช่วยกันเลย ถับถมอยู่ได้
“ไม่พูดแล้ว”
“เห็นแม่ว่าเราสองคนคบกันอย่างนั้นเหรอ”พี่โป้งว่า แม่นะแม่ยังไม่ทันได้คบกันซะหน่อย
“ไม่ใช่ซะหน่อย เรายังไม่ได้คบกัน”
“ตอนนี้ยังอีกเดี๋ยวก็คบกันใช่มั้ยล่ะ”พี่ชี้ว่า
“น้องสาวเราขายออกแล้ว”ดูพี่กลางพูดเข้า น้องพี่เป็นผู้หญิงนะ
“พี่กลาง”ก้อยแอบค้อนพี่กลาง
“ไม่เห็นต้องเขิน”
“พรุ่งนี้บ้านเราไปทะเลชวนเขาไปด้วยสิไปกันทั้งครอบครัวหลายๆคนสนุกดีออก”
“แม่คงชวนแล้วละ”ใช่ งานนี้ไม่ต้องเอ่ยแม่ขออาสา
.............................................................................................................................
วันต่อมา
“ตาโป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย”ป้ายุพินเรียกชื่อพวกเราครบทั้งห้าคนพี่น้อง
“สวัสดีครับ/ค่ะ”เราห้าคนยมือไหว้ป้ายุพินและลุงมาโนชพ่อแม่ของหนึ่งและนายสอง
“ตาโป้งกับตาชี้เรียนจบแล้วสินะ”ป้ายุพินถาม
“ครับทำงานได้สองปีแล้ว”พี่โป้ง“ผมต่อโทไปด้วยเรียนด้วยฮะ”และพี่ชี้ตอบ
“นางละเรียนปีไหนแล้วลูก”
“ปีนี่ปีสองแล้วค่ะ”
“ตากลางก็เรียนปีสี่แล้วใช่มั้ย”
“ฮะ ปีสุดท้ายแล้ว”
“หนูก้อยนี่ก็ม.6อยู่ห้องเดียวกะตาสองใช่มั้ยลูก”
“ค่ะ”
“ตาสองรังแกหนูบ้างรึเปล่า”ป้ายุพินถาม ก้อยอยากบอกว่าใช่ใจจะขาดแต่สงสาร
“เปล่าค่ะ”นายสองหันมามองหน้าก้อยอย่างงงๆนายสองคิดในใจว่าก้อยน่าจะแฉเขาแต่กลับกัน
“คงสนิทกันสินะเจอกันทั้งที่โรงเรียนทั้งที่บ้าน”
“คะ”ป้ายุพินแกต้องมั่วแน่ๆเจอกันทั้งที่โรงเรียนทั้งที่บ้านายสองเคยมาที่บ้านซะที่ไหนกัน
“แม่ครับไปทางโน่นกันดีกว่าตรงนี้เริ่มร้อนแล้วฮะ”นายสองพูด
“ดีเหมือนกัน ไปกันเถอะ”
“หนึ่งไปสปากับแม่มั้ยลูก”ป้ายุพินหันมาถามหนึ่ง
“ครับดีเหมือนกัน”ทำไมวันนี้หนึ่งเขาดูแปลกๆแม่ ป้ายุพิน พี่นาง หนึ่งไปสปา พ่อ ลุงมาโนชพี่โป้ง พี่ชี้ไปปั่นจักรยานเหลือก้อยกะนายสอง ทำไมต้องอยู่นายนี่ด้วย
“ฉันไปงีบดีกว่า”ว่าแล้วก้อยก้ลุกขึ้นเดินไปที่เปลที่ผุกอยุ่ใกล้ๆ
“เดี๋ยวก่อน ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”ทำเป็นพูดเพราะหนอย ไม่เข้ากับนายเลย
“อะไร”นายสองลุกขึ้นตามมาเราสองคนเดินเล่นเรื่อยๆบนชายหาด
“ผมมีเรื่องจะสารภาพ”
“หือ ว่ามาสิ”
“วันนี้คุณคงคิดว่าพี่หนึ่งแปลกๆไปใช่มั้ย”
“มั้ง ทำไมวันนี้นายพูดเพราะจัง”
“ไม่ชอบเหรอ”
“เปล่า แต่ฟังแล้วไม่ใช่นายเลยปกติเห็นนายหยาบจะตาย”
“ฮึ ฮึ”นายสองหัวเราะเบาๆ
“แล้วตกลงนายมีอะไรจะสารภาพ”
“คุณลองมองผมดีๆ”
“หือ”นายมองใบหน้าสองแล้วก็นึกถึงหนึ่งคล้ายกันมากส่วนสูงก็เท่าๆกันแต่สองมีผิวเข้มกว่าเอ๊ะ!วันแรกที่เจอหนึ่ง หนึ่งมีผิวขาวงั้นก็หมายความว่า
“นายคือคนที่มาสอนพิเศษฉัน”
“ครับตอนแรกแม่ขอให้ผมมาช่วยสอนให้ก้อยแต่ผมขอให้พี่หนึ่งมาแทนแต่ช่วงหลังผมมาเอง”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“พี่หนึ่งมาประมาณสองสามครั้งที่เหลือเป็นผม”
“ทำไมถึงไม่บอกงั้นที่ฉันเล่าเรื่องนายให้หนึ่งฟังก็เท่ากับว่าฉันเล่าเรื่องนายให้นายฟัง”
“ครับ”
“บ้า บ้าที่สุดคิดอะไรของนายเนี่ย”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนแรกที่แม่ขอผมไม่อยากมาสอนแต่พอผมเจอคุณที่โรงเรียนผมก็เลยอยากมา”บ้าจริง ทำไมเรื่องราวมันกลับตละปัดแบบนี้นะ
“แล้วหนึ่งจริงๆแล้วเป็นเกย์ใช่มะ”
“ฮึ...ฮึครับพี่หนึ่งเป็นอย่างที่คุณคิดนั่นแหละ”
“นายนี่มันบ้าจริงๆ”นี่แนะๆๆๆก้อยทุบอกสองเบาๆ เอ่อชีวิตคนเราคาดเดาอะไรไม่ได้เลย วีณาเคยบอกว่าชีวิตคนเราก็เหมือนโจทย์คณิตคิดได้หลายแบบแต่คำตอบสุดท้ายเท่ากัน
“ก้อย”เสียงใครคนหนึ่งเรียกชื่อก้อยมาจากด้านหลัง น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น นุ่มนวล สุภาพ อ่อนโยนหรือจะเป็นนาย
“ติณ”ใช่นายจริงๆด้วย
“สบายดีมั้ย”
“ดี ติณนายโตขึ้นเยอะเลย ตัวสูงขึ้นด้วย”
“แล้วหล่อขึ้นมั้ย”
“ไม่ค่อยจะเลยนะ แล้วมาได้ไงเนี่ย”
“ขับรถมา”
“คนเดียวเหรอ”
“ครับ”
“โกหก อย่างนายไม่มีทางมาคนเดียวได้หรอก”
“จริงๆนะ”ก้อยลืมไปเสียสนิทว่าสองก็ยืนอยู่ด้วย
“ตัวสูงขึ้นจริงๆนะ ก้อยเตี้ยไปเลย”
“ก็เตี้ยตั้งนานแล้ว ไม่รู้ตัวเหรอ”
“น่าเกลียด ก้อยสูงร้อยหกสิบห้านะ”ดูถูกกันชัดๆ“ไปหาแม่กันดีกว่า เมื่อวานแม่เพิ่งพูดว่าคิดถึงติณอยู่เลย”
“แล้วก้อยไม่คิดถึงติณบ้างเหรอ”พูดได้ไม่อายเลยนะ
“ไม่”
“ใจร้าย”
“ทีติณไม่เห็นคิดถึงก้อยเลย”
“ใครว่าไม่คิดถึง”
“ก้อยนี่แหละว่า ถ้าคิดถึงจริงทำไมไม่ติดต่อมาบ้าง ไม่เจอกันตั้งหลายปี”
“ก็ติณไม่รู้นิว่าก้อยยังรอติณอยู่ ติณคิดว่าก้อยลืมติณไปแล้ว”
“ใครรอนายที”
“เหรอ งั้นคงมีติณคนเดียวทีรอก้อย”
“นายรอฉันเหรอ”
“รอสิ ติณไม่ลืมอะไรง่ายๆเหมือนใครบางคน”
“อะไร อะไร ใครลืมง่าย ยังไม่ลืมย๊ะ ความจำดี”
“แม่ดูซิใครมา”
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น